Boost Your Website Sales with SEO & SEM
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ลงทุนสร้างเว็บไซต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปคงหนีไม่พ้น “ทำอย่างไรให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น และเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า” ซึ่งคำตอบที่มักจะพบก็คือ SEO and SEM
แต่คำถามคือ… คุณควรเริ่มจากอะไร และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ?
SEO (Search Engine Optimization): ปั้นเว็บไซต์ให้ติดอันดับแบบยั่งยืน
การทำ SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับระบบค้นหาของ Google โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา เว็บไซต์ของคุณจะติดอันดับจากเนื้อหาที่มีคุณภาพ โครงสร้างที่ดี และการใช้งานที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เมื่อเว็บไซต์ขึ้นสู่หน้าแรก โอกาสในการขายก็เพิ่มขึ้นแบบไม่ต้องจ่ายรายคลิก
4 ขั้นตอน SEO สร้างยอดขายบนเว็บไซต์
- เลือกคีย์เวิร์ดให้แม่นยำ
ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner หรือ KWFinder เพื่อหาคำค้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของคุณ และมีปริมาณค้นหาสูงแต่คู่แข่งไม่หนาแน่น - เขียนบทความคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้อ่าน
สร้างบทความที่ตอบสนองความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น “เทคนิคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ” หรือ “วิธีดูแลสุขภาพเท้าสำหรับผู้ที่ต้องยืนนาน” พร้อมแทรกคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ - ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้รองรับ SEO
เว็บไซต์ควรโหลดเร็ว รองรับทุกอุปกรณ์ (Responsive) และมีปุ่ม Call-to-Action ที่ชัดเจน รวมถึงการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์น่าเชื่อถือ - ติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์ และปรับแผน SEO ให้ตรงจุดยิ่งขึ้น
SEM (Search Engine Marketing): ยิงโฆษณาให้ถึงลูกค้าเป้าหมายทันที
SEM คือการทำโฆษณาผ่าน Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกอย่างรวดเร็ว โดยคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนคลิก (PPC) ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วนและสามารถควบคุมงบได้
4 ขั้นตอน SEM ดึงลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขายทันใจ
- ตั้งเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
เช่น ต้องการเพิ่มยอดขายในพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับกลุ่มอายุ 25–45 ปี การระบุกลุ่มเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น - เลือกคีย์เวิร์ดตรงกลุ่มและใช้ Negative Keywords
หาคำค้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการโดยตรง เช่น “ถุงเท้าสุขภาพกันลื่น” หรือ “คลินิกฝังเข็มย่านสุขุมวิท” และตัดคำค้นที่ไม่เกี่ยวข้องออกเพื่อประหยัดงบ - เขียนข้อความโฆษณาให้ดึงดูด พร้อม Call-to-Action
เช่น “โปรโมชั่นพิเศษวันนี้เท่านั้น!” หรือ “ปรึกษาฟรีก่อนตัดสินใจ” และเพิ่มส่วนขยายโฆษณา เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร หรือรีวิว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ - ควบคุมและประเมินงบประมาณอย่างรอบคอบ
เริ่มจากงบประมาณเล็ก ๆ และปรับตามผลลัพธ์ โดยอาศัยข้อมูลจาก Google Ads ในการเพิ่มคำที่เวิร์คและหยุดคำที่ไม่คุ้มค่า
ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับ SEO หรือ SEM?
ประเภทธุรกิจ | เหมาะกับ | เหตุผล |
---|---|---|
ธุรกิจเปิดใหม่ | SEO | ช่วยปูพื้นฐาน สร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว |
ธุรกิจเฉพาะทาง | SEO | สร้างบทความเพื่อให้คนค้นเจอจากความสนใจเฉพาะกลุ่ม |
E-commerce | SEM | ต้องการยอดขายเร็ว ยิงโฆษณาได้ตรงกลุ่มพร้อม Remarketing |
ธุรกิจที่มีหน้าร้าน | SEM | ดึงลูกค้าในพื้นที่จริงเข้ามาใช้บริการด้วย Location Targeting |
สรุป: จะเลือก SEO หรือ SEM ดีกว่า?
หากคุณมองหา “ยอดขายที่มั่นคงในระยะยาว” → SEO คือรากฐานที่ควรวางตั้งแต่วันนี้
หากคุณต้องการ “ยอดขายทันใจแบบวัดผลได้ทันที” → SEM คือทางลัดที่ใช่สำหรับคุณ
แต่ถ้าคุณต้องการ ผลลัพธ์ที่ทั้งเร็วและยั่งยืน
การผสมผสานระหว่าง SEO + SEM คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ “ขึ้นหน้าแรก” ได้ทั้งแบบธรรมชาติและแบบยิงโฆษณา พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
Imperial Health Solutions ยินดีให้คำปรึกษาในการเพิ่มยอดขายผ่านเว็บไซต์ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญด้าน SEO & SEM สำหรับธุรกิจสุขภาพโดยเฉพาะ ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นวางแผนการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพได้แล้ววันนี้
